น้องหมาพร้อมผสมพันธุ์-ชิสุเป็นประจำเดือน(ฮีท)
แม่พันธุ์สุนัขพร้อมผสมพันธุ์ ไข่ตก เป็นสัด เป็นฮีท ( be in heat) เป็นคำทื่มีความหมายใกล้เคียงกัน สุนัขจะเริ่มเป็นฮีทเมื่อย่างเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ คืออายุประมาณตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป หากสุนัขมีสภาพร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงแล้ว จะเป็นฮีทปีละ 2 ครั้ง ซึ่งเราจะสามารถทำการผสมได้ในช่วงนี้ แต่โดยปกติแล้ว ฮีทแรกจะไม่นิยมผสม นัยว่ายังเร็วเกินไปนั่นเอง เพราะสุนัขยังมีความเป็นเด็กอยู่มาก ยังเป็นวัยรุ่น หากผสมแล้วลูกที่ได้จะไม่แข็งแรง ได้ลูกน้อย และอาจถึงขั้นไม่ดีต่อสุขภาพของแม่สุนัขเองด้วย การเตรียมพร้อมก่อนการผสมนั้น ควรเริ่มตั้งแต่การเสาะหาพ่อพันธุ์ที่ดีในกรณีที่เรามีแม่พันธุ์อยู่แล้ว การผสมควรคำนึงถึงลักษณะสายพันธุ์ โครงสร้างต่างๆ ต้องถูกต้องตามมาตรฐานสายพันธุ์
ฮีทปกติ. . . เมื่อเริ่มต้น อวัยวะเพศของน้องจะบวมเปล่ง อาจจะมีน้ำที่ชมพูจาง ๆ ไหลออกมาจากอวัยวะเพศ ในบางตัวอาจจะสีเข้ม แต่ไม่แดงมากนัก เมื่อผ่านไปหลาย ๆ วันแล้วสีจะเข้มขึ้นทั่ว ๆ ความพร้อมในการผสมในฮีทปกตินั้น บางคนอาจใช้วิธีดูสีฮีทที่จางลง บางคนสังเกตุจากอวัยวะเพศที่เริ่มหดตัวลง บางคนนับวัน บางคนก้อใช้สุนัขตัวผู้ทดสอบ หรือ ใช้วิธีเขี่ยหางบริเวณก้น หากสุนัขพร้อมผสมพันธุ์จะเปิดหางขึ้น . . . บรีดเดอร์หลาย ๆ คนใช้วิธีเจาะเลือดตรวจหาฮอร์โมนเอสโตรเจนในกระแสเลือด เพื่อให้ทราบวันตกไข่ที่แท้จริง การผสมนั้นนิยมผสมวันเว้นวัน เพราะอสุจิสามารถอาศัย อยู่ในร่างกายสุนัขเพศเมียที่เป็นฮีทได้ประมาณ 24 ชม.
ฮีทขาว .... กรณีฮีทขาวอาจพบได้ไม่บ่อยนักจึงต้องใช้การสังเกตเพิ่มขึ้นเป็นพิเศษหรือการทดสอบหลายๆวิธี การเป็นฮีทขาวนั้นแม่พันธุ์จะมีเลือดออกมาจากช่องคลอดน้อย อาจเป็นสีใส ๆ หรือ ชมพูอ่อน ๆ หรือบางตัวก็อาจไม่มีเลือดออกมาเลย สุนัขอายุ 1 ปี น่าจะ เป็นฮีทไปแล้วอย่างน้อย 1 ครั้ง ถ้าเป็นฮีทขาวบางที่อาจสังเกตุอยาก แต่ถ้ามันบวมหรือนิ่มๆกว่าปกติก็
****
****
สุนัขตัวผู้ : จะแสดงอาการกระตือรือร้นเรื่องเพศเมื่ออายุประมาณ 6-8 เดือน แต่ควรจะรอให้สุนัขโตเต็มที่เมื่ออายุ 1 ปีขึ้นไปควรบำรุงพ่อพันธุ์ให้กินอาหารที่มีโปรตีนมาก ๆ และต้ออกกำลังกายสม่ำเสมออย่าให้อ้วนหรือผอมเกินไป เพราะเมื่อพ่อพันธุ์แข็งแรงก็จะผลิตตัวอสุจิที่แข็งแรง จะได้ผสมกับไข่จำนวนมากในขณะเป็นสัดทำให้ได้ลูกครอกใหญ่ มีลูกหลายตัว
ในการผสมติดมีน้อย แม่สุนัขที่เริ่มเป็นสัดครั้งแรกยังไม่ ควรให้ผสมเพราะความสมบูรณ์ยังไม่พร้อมเต็มที่ ควรเว้นไป 2 รอบการเป็นสัดการเป็นสัดจะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของสุนัข
ศึกษาสายพันธุ์ได้จากใบประวัติหรือที่เรียกว่าเพ็ดดีกรี(pedigree)
โดยปกติสุนัขมีรอบการเป็นสัดปีละ 2 ครั้ง คือทุก 6 เดือน ระยะเวลาของการเป็นสัดโดยปกติเฉลี่ย 18 วันแต่บางตัวอาจนาน ถึง 21 วันระยะของการเป็นสัดนั้นมี4ระยะสามารถจำแนกได้ดังนี้
ระยะที่ 1 ก่อนเป็นสัด (Pro-Estrus) เป็นช่วงที่เจ้าของสามารถสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวสุนัขมากที่สุดโดยอวัยวะเพศของสุนัขจะบวมและมีเลือดแดงไหลจากช่องคลอดช่วงนี้สุนัขตัวผู้จะวนเวียนเข้ามาใกล้ตัวเมียบางรายอาจจะเห่าหอน สาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าสุนัขเพศเมียที่เป็นสัดจะปล่อยฟีโรโมนออกไปจากตัวของมันเพื่อส่งสัญญาณให้คู่ของมันทราบว่า ตอนนี้มันจวนจะถึงเวลาที่จะสืบพันธุ์แล้ว ช่วงนี้จะกินเวลา ประมาณ 9 วัน ซึ่งแม่สุนัขจะยังไม่ยอมรับการผสมพันธุ์
ระยะที่ 2 เป็นสัด (Estrus) ช่วงนี้สุนัขจะยอมผสมพันธุ์และมีการตกไข่เกิดขึ้นการเปลี่ยนแปลงที่เราจะสังเกตเห็นได้คือสุนัขจะมีน้ำเลือดไหลออกมาจางมากๆ จะยินยอมให้สุนัขตัวผู้ขึ้นขี่หลัง ถ้าลองเอามือกดบริเวณหลังช่วงสะโพกจะพบว่าแม่สุนัขจะยืนหลังแข็งรับแรงกดที่เกิดขึ้นได้ ระยะนี้จะกินเวลาเฉลี่ย 9 วัน
ระยะที่ 3 ช่วงท้ายของการเป็นสัด (Met-Estrus) เป็นระยะที่หลังจากเป็นสัดจะมีอิทธิพลของฮอร์โมนโปรเจสเตอร์โรนสูง สุนัขบางตัวที่ไม่ได้ผสมพันธุ์อาจจะมีอาการท้องเทียมเกิดขึ้นได้ ก็เพราะอิทธิพลของฮอร์โมนชนิดนี้นั่นเองระยะนี้กินเวลาเฉลี่ย 90 วัน
ควรเริ่มผสมประมาณวันที่ 10-14 หลังจากเริ่มเป็นสัด คือระยะที่สองของการเป็นสัดนั่นเอง การผสมอาจทำเพียงครั้งเดียวก็ได้ แต่ส่วนใหญ่เพื่อให้ได้ผลแน่นอน มักจะผสมสองครั้งห่างกัน 24 ชั่วโมง การผสมตัวผู้จะขึ้นคร่อมโดยใช้ขาหน้ารัดเอวตัวเมีย บางตัวอาจไม่เคยผสมมาก่อนเจ้าของจำเป็นจะต้องช่วยจับอวัยวะเพศตัวผู้ใส่ให้ ซึ่งตัวผู้จะคาค้างไว้ในช่องคลอดเป็นเวลานาน 20-30 นาที หรือที่เรียกว่า"ติด" นั่นเอง เพื่อให้น้ำอสุจิเข้าสู่มดลูกได้สะดวก หลังจากนั้นก็จะหลุดออกมาเองโดยอัตโนมัติ สำหรับการนำแม่พันธุ์ไปผสมกับพ่อพันธุ์ที่อยู่ห่างไกล ควรนำไปก่อนที่จะมีกำหนัดประมาณ 7 วัน เพื่อให้สุนัขได้คุ้นเคยกับพ่อพันธุ์และสิ่งแวดล้อม และเมื่อผสมพันธุ์แล้ว 4 วันควรทำการถ่ายพยาธิอีกครั้ง
1. พาแม่พันธุ์ไปตรวจสุขภาพและความผิดปกติทางกรรมพันธุ์
2. เตรียมหาเจ้าของใหม่ให้ลูกสุนัขหรือเลี้ยงดูเอง
3. หากเป็นพันธุ์แท้ควรลงทะเบียนประวัติกับสมาคมพัฒนาพันธุ์สุนัข(ประเทศไทย)
4. ติดต่อหาพ่อพันธุ์สุนัขจากฟาร์มหรือคอกสุนัขที่เชื่อถือได้
5. ในบริเวณที่มีปัญหาโรคแท้งติดต่อควรตรวจสอบว่าพ่อพันธุ์ไม่เป็นโรคนี้
6. ถ้าพาแม่พันธุ์เดินออกกำลังกายนอกบ้านควรมีสายจูงเสมอ
7. ขณะผสมพันธุ์อาจต้องประคองบั้นท้ายของสุนัขให้ติดกัน เนื่องจากลึงค์ของพ่อพันธุ์ขยาย ใหญ่แน่นกับช่องคลอด ถ้าแม่พันธุ์สลัดหลุดก่อนอาจทำให้ได้รับบาดเจ็บทั้งคู่
8. ผสมพันธุ์ซ้ำอีกครั้งใน 24 ชั่งโมงถัดมา
9. หลังการผสมพันธุ์ 3 สัปดาห์นำไปหาสัตวแพทย์เพื่อตรวจการตั้งท้อง